ประเด็นร้อน

ประชาธิปไตยไทย 'เต็มใบ' ได้...ถ้าไม่ใช้แบบโกงๆ

โดย ACT โพสเมื่อ Jun 25,2018

- - ขอบคุณข้อมูลจาก ไทยโพสต์ - -

 

คอลัมน์ รักชาติไทยด้วยใจอดทน : โดยไทยทน

 

คนไทยเราอยากเห็นประชาธิปไตย "เต็มใบ" แต่เรายังมีไม่ได้เสียที เพราะมีจอมโกง เอาประชาธิปไตยที่งดงามไปทำธุรกิจจนประชาธิปไตยไทยต้องพิกลพิการ

 

จึงเป็นเวลาที่ชาวไทยเราจะต้องเรียกร้องมาตรฐานประชาธิปไตยใหม่ ที่เป็นประชาธิปไตย "เต็มใบ" อย่างแท้จริง

 

เหมือนมาเลเซียที่ประชาชนชาวมาเลเซียร่วมแรงร่วมใจ  แม้จะใช้อดีตนายกรัฐมนตรีวัย 92 ปี แต่ก็เพื่อ "กวาดล้างการทุจริตคอร์รัปชัน" เพื่อให้ได้ประชาธิปไตยที่ขาวสะอาดมากขึ้น

 

การใช้ประชาธิปไตยอย่างโกงๆ เพื่อหากินทางธุรกิจของเมืองไทยที่คนไทยต้องร่วมมือกัน ไม่ยอมให้กลับมาครองเมืองกันอีกครั้ง ได้แก่

 

1.ครองอำนาจรัฐเป็นรัฐบาลด้วยการโกง นายทักษิณ ชินวัตร แต่ไหนแต่ไร ทำธุรกิจทั่วไปก็ไม่สำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นระบบเตือนภัย SOS บัสซาวด์ ชินวัตรผ้าไหม ฯลฯ ถ้าไม่ได้อำนาจผูกขาดตัดตอนให้ได้เปรียบคู่แข่งก็ไม่เห็นความสำเร็จในการทำธุรกิจแบ่งสุจริต

 

รัฐธรรมนูญปี 2540 จึงห้ามไม่ให้รัฐมนตรีเป็นเจ้าของกิจการสัมปทานผูกขาด แต่นายทักษิณจึงได้นำเอากิจการกลุ่มชินฯ ไป "ซุกหุ้น" ไว้กับคนใกล้ชิด เพียงเพื่อซุกซ่อนความเป็นเจ้าของกิจการสัมปทานให้ได้ครองอำนาจ หลักฐานได้แก่การโอนหุ้นชินฯ ที่ราคาพาร์ให้ลูก แล้วก็ขายหลักทรัพย์ธนาคารทหารไทย TMB กับ TMB-C1 ซึ่งแม่ซื้อมาเพียง 1,500 ล้านบาท ในเดือนพฤษภาคม 2543 แต่ประมาณ 3-4 เดือนต่อมา กลับขายต่อให้ลูกพานทองแท้ปลายสิงหาคม 2543 มูลค่า 4,500 ล้านบาท ปลอมหนี้ 3,000 ล้านบาท เพื่อเป็นทางผ่านคืนปันผลหุ้นชินฯ กลับไปที่แม่ เป็นหลักฐานการ "ซุกหุ้น" กิจการสัมปทานผูกขาดไว้กับลูกๆ นั่นเอง

 

2.เป็นรัฐบาลเมื่อไรก็โกง เมื่อเป็นรัฐบาลแล้วก็ใช้อำนาจรัฐปฏิบัติหน้าที่ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่เพื่อเอื้อประโยชน์กิจการส่วนตัว ทั้งการลดส่วนแบ่งภาครัฐสำหรับระบบโทรศัพท์มือถือระบบพรีเพด พ.ร.ก.โทรคมนาคม การเอาเปรียบหน่วยงานภาครัฐให้รับภาระภาษีสรรพสามิต และยึดครองกิจการสัมทปานผูกขาดโทรคมนาคม ซึ่งต้องโอนคืนรัฐเมื่อครบอายุสัมปทานไปเป็นสิทธิ์ของตัวเอง ในที่สุดก็แก้กฎหมายนำกิจการผูกขาดโทรคมนาคมไทย รวมทั้งกิจการผูกขาดดาวเทียมของไทย ไปขายให้กองทุนรัฐบาลสิงคโปร์ ซึ่งกลายเป็นการขายกิจการที่ดูแลความมั่นคงของชาติที่สำคัญออกไปให้กับกองทุนรัฐบาลต่างชาติ ก็ทำให้เห็นว่าเข้าข่าย "ขายชาติ" กันทีเดียว

 

3.ถูกตัดสินว่ามีความผิดแล้วก็โกง เมื่อพี่ทักษิณถูกศาลอาญาแผนกคดีอาญานักการเมืองตัดสินว่ามีความผิด ต้องยึดทรัพย์ กลับส่งน้องยิ่งลักษณ์ทุ่มเทงบประมาณของชาติ หนี้สินของลูกหลาน เพื่อซื้อเสียง เพื่อซื้ออำนาจให้กับกลุ่มชินฯ จัดทำโครงการจำนำข้าว รับจำนำข้าวสูงกว่าราคาตลาดโลก เกิดการโกงตลอดกระบวนการ ตั้งแต่โกงตาชั่ง โกงความชื้น โกงข้าวลม โกงข้าวเวียนเทียน โกงข้าวนำเข้าสวมสิทธิ์ โกงโกดังเก็บข้าวจนข้าวเน่า โกงซ่อนนั่งร้านในกองข้าว โกงขายข้าวรัฐต่อรัฐ ฯลฯ จนรัฐบาลต้องแบกภาระขาดทุนกว่า 5 แสนล้านบาท เมื่อรัฐบาลกำลังถังแตก ก็ให้พรรคพวกผ่าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เพื่อคืนเงินโกงชาติพี่ชาย ส่วนชาวนาก็รอชำระหนี้ประทวนชาวนาเป็นสัปดาห เป็นเดือน จากเดือนเป็นหลายเดือน กลายเป็น "หนี้ชาวนาให้รอไป คืนเงินโกงชาติพี่ชายต้องมาก่อน"

 

4.เป็นฝ่ายค้านก็โกง ถนัดในการสร้างภาระปัญหา แล้วกลับใช้ไปใส่ร้ายคู่แข่งทางการเมือง ตอนสมัยวิกฤติเศรษฐกิจ บิ๊กจิ๋วเป็นนายกฯ ทักษิณเป็นรองนายกฯ ลอยตัวค่าเงินบาท ปิดพักกิจการสถาบันการเงิน 58 แห่ง บริหารบ้านเมืองจนทุนสำรองระหว่างประเทศเกือบหมดสิ้น ต้องพึ่งพิงไอเอ็มเอฟ แล้วก็ลาออก ก่อนจะเซ็นสัญญาแอลโอไอ ฉบับที่ 2 กับไอเอ็มเอฟ ในช่วงปลายปี 2540

 

หลายปีต่อมา จึงมีนายเสนาะ เทียนทอง คนใกล้ชิด ในฐานะเลขาธิการพรรคไทยรักไทยคนแรก มาเปิดโปงว่า "นึกว่ารวยแล้วไม่โกง...คนคนนี้ รวยเพราะโกงชาติ...เผาบ้านเมืองเป็นประกัน...คนไทยล้มละลาย เป็นเอ็นพีแอลกันทั้งประเทศ...รวยอยู่คนเดียว" โดยมีหลักฐานการโอนเงินส่วนตัวไปสิงคโปร์ ก่อนลอยตัวค่าเงินบาท และน่าจะใช้ในการทุบค่าเงินบาท ทำให้ต่อมามีเงินมากมายเก็บไว้ในบัญชีกองทุนวินมาร์ค และกองทุนอื่นๆ โกงกันที ไม่สนใจว่าจะโกงกันจนบ้านเมืองไม่เหลืออะไรเลยเช่นนั้น

 

แล้วก็กลับใส่ร้ายพรรคประชาธิปัตย์ พรรคการเมืองคู่แข่ง ว่าเป็นพรรครุ่นเก่าทำวิกฤติ ทั้งๆ ที่รัฐบาลที่ทำวิกฤติแท้จริง คือรัฐบาล บิ๊กจิ๋วที่นายทักษิณสนับสนุน และเข้าไปเป็นรองนายกฯ นั่นเอง

 

พอรัฐบาลอภิสิทธิ์ขึ้นมาเป็นรัฐบาลในจังหวะวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ ซึ่งเป็นวิกฤติหนักที่สุดของโลกครั้งหนึ่งในรอบหลายสิบปี เมื่อแก้วิกฤตการณ์ได้ รัฐบาลกลับมาแข็งแรงมากขึ้น กลับไม่ยอมทำหน้าที่ฝ่ายค้าน ใส่ร้ายรัฐบาลอภิสิทธิ์ พยายามทุกวิถีทางเพื่อไม่ยอมให้รัฐบาลประชาธิปัตย์ได้มีโอกาสบริหารบ้านเมืองในสภาวะปกติ ทั้งมีการเผาบ้านเผาเมือง เผารถประจำทาง เตรียมเผารถแก๊ส บุกล้มการประชุมผู้นำนานาชาติ ยิงเอ็ม 79 หลายจุดในบ้านเมือง ฯลฯ แทนที่จะให้โอกาสประชาชนได้เห็นพรรคการเมืองในระบอบประชาธิปไตยได้เวลาบริหารบ้านเมืองเพื่อแข่งกันอย่างเป็นธรรม

 

คนไทยเราช่วยกันรณรงค์ให้เกิดประชาธิปไตย "เต็มใบ" ร่วมใจต่อต้านทุจริตคอร์รัปชัน ไม่ยินยอมให้ใครเอาประชาธิปไตยที่งดงามไปทำธุรกิจกันอีกต่อไป

 

 

 

 

 

 
 
 
 
 

#ร่วมเป็นพลเมืองตื่นรู้สู้โกง

#ACTองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน

 

Follow LINE: http://bit.ly/2luX9Dt
Follow Facebook: http://bit.ly/2z1Dxvw